โรคสะเก็ดเงิน หรือ Psoriasis เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่เกิดจากการที่เซลล์ผิวหนังมีการเติบโตเร็วผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่หนาเป็นแผ่นสีขาวหรือเงิน โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย และมักเป็นๆ หายๆ โรคสะเก็ดเงินไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก เพราะจะเกิดอาการคันจนทนไม่ไหวและเผลอเกาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวหนังติดเชื้อและผมร่วงได้ บางคนอาจลามไปบริเวณใบหน้า หลังคอ หน้าผาก หรือหลังใบหูได้
สาเหตุของโรคสะเก็ดเงิน
โรคสะเก็ดเงินเกิดจากการทำงานผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่กระตุ้นให้โรคนี้กำเริบหรือแย่ลง เช่น
- พันธุกรรม: หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคในคนในครอบครัวก็จะสูงขึ้น
- การติดเชื้อ: การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบางชนิด เช่น การติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส อาจกระตุ้นให้เกิดโรคสะเก็ดเงิน
- ความเครียด: ความเครียดทางจิตใจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถกระตุ้นหรือทำให้โรคกำเริบได้
- การบาดเจ็บที่ผิวหนัง: แผลบาดเจ็บ การถูกแดดเผา หรือการระคายเคืองผิวหนังสามารถกระตุ้นให้เกิดโรคสะเก็ดเงินในบริเวณนั้นได้
- การใช้ยา: ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาต้านมาเลเรีย หรือยาต้านการอักเสบ อาจทำให้โรคสะเก็ดเงินกำเริบหรือแย่ลง
อาการของโรคสะเก็ดเงิน
- ผื่นหนาเป็นแผ่น: ผิวหนังที่มีลักษณะเป็นแผ่นหนาสีขาวหรือเงิน มักพบในบริเวณข้อศอก เข่า หนังศีรษะ หรือหลัง
- อาการคันและแสบร้อน: บริเวณที่เป็นผื่นอาจมีอาการคัน แสบร้อน หรือเจ็บ
- เล็บเปลี่ยนแปลง: เล็บอาจหนาขึ้น มีจุดขรุขระ หรือแตกหักง่าย
- ผิวหนังแห้งและแตก: ผิวหนังบริเวณที่เป็นโรคอาจแห้งและแตก ซึ่งบางครั้งอาจมีเลือดออก
การรักษาโรคสะเก็ดเงิน
การรักษาโรคสะเก็ดเงินมีหลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงและบริเวณที่เกิดโรค รวมถึงปัจจัยส่วนบุคคลอื่น ๆ:
- การใช้ยาเฉพาะที่: ยาทา เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือวิตามินดีสังเคราะห์ มักใช้สำหรับรักษาโรคสะเก็ดเงินที่มีอาการไม่รุนแรง
- การใช้ยารับประทานหรือฉีด: สำหรับกรณีที่โรคสะเก็ดเงินรุนแรงหรือครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ แพทย์อาจใช้ยากลุ่มอิมมูโนมอดูเลเตอร์หรือยาเม็ดรับประทาน
- การฉายแสง UV: การใช้แสงอัลตราไวโอเลต (UV) ช่วยลดการอักเสบและลดการเติบโตของเซลล์ผิวหนัง
- การดูแลผิวหนัง: ควรหลีกเลี่ยงการเกาและรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังโดยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ
การดูแลตัวเองและการป้องกันการกำเริบ
การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการโรคสะเก็ดเงิน:
- รักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง: การใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดอาการแห้งและการแตกของผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงความเครียด: ความเครียดอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้โรคกำเริบ การทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือการออกกำลังกาย อาจช่วยลดความเครียดได้
- รักษาสุขภาพโดยรวม: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่สมดุล และการนอนหลับเพียงพอสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการกำเริบของโรค
โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน แต่ด้วยการรักษาและการดูแลที่เหมาะสม ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ การปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการโรคนี้