การบําบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง (HBOT) Hyperbaric Oxygen คืออะไร

การบําบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง (HBOT) เป็นการรักษาที่เกี่ยวข้องกับการหายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ในห้องที่มีแรงดันเพื่อเพิ่มระดับออกซิเจนในเนื้อเยื่อของร่างกาย การบําบัดนี้ถูกนํามาใช้มานานหลายทศวรรษเพื่อรักษาอาการป่วยต่าง ๆ เช่น การเจ็บป่วยจากการบีบอัดก๊าชในเลือดของนักดำน้ำ พิษจากคาร์บอนมอนอกไซด์ และบาดแผลจากเบาหวาน และเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีงานวิจัยออกมาว่า HBOT สามารถใช้เป็นหนึ่งในทางออกสำหรับการแก้ปัญหาผมร่วมได้


วิธีการทำงานของ HBOT ที่เกี่ยวกับเส้นผม

  1. เชื่อกันว่า HBOT ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังรูขุมขน สามารถกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจช่วยให้รูขุมขนกลับมาทำงานได้ดีขึ้น
  2. เชื่อกันว่าสามารถเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและการไหลเวียนของจุลภาคได้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความแข็งแรงของรูขุมขนและเส้นผม
  3. อาจมีฤทธิ์ต้านการอักเสบบนหนังศีรษะ HBOT มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและบรรเทาความเสียหายของเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจช่วยรักษาสภาพหนังศีรษะให้ดีขึ้น

ประโยชน์ของ HBOT ที่เกี่ยวกับเส้นผม

  1. ช่วยบรรเทาอาการปวด บวม และฟกช้ำหลังปลูกผม
  2. ช่วยลดการหลุดร่วงของรูขุมขนและอาการคัน
  3. ตามทฤษฎีเชื่อกันว่าสามารถส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ได้มากขึ้นดังนั้นจึงอาจช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของกราฟต์

ประโยชน์ทั้งหมดจาก HBOT สําหรับขั้นตอนการปลูกผมมีหลักฐานเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงบางประการที่เราเห็นจากการประยุกต์ใช้ทางคลินิกก่อนหน้านี้กับสภาวะสุขภาพอื่นๆ

ความเสี่ยงของการใช้ HBOT

  1. ความเสี่ยงของ (Barotrauma Barotrauma)
    เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของความดันในห้องบำบัด ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อหู ไซนัส หรือปอดได้ เนื่องจากอวัยวะเหล่านี้ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของความดัน อาการที่พบได้คือปวดหู แน่นหน้าอก หรือปัญหาทางการหายใจ
  2. ความเป็นพิษต่อออกซิเจน (Oxygen Toxicity)
    การได้รับออกซิเจนในระดับความเข้มข้นสูงเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางหรือปอด เช่น ทำให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก หรือในกรณีรุนแรงอาจทำให้เกิดอาการชักได้
  3. ความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้
    ในห้องบำบัด HBOT ที่มีออกซิเจนความเข้มข้นสูง มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หากมีการใช้วัสดุหรืออุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น โลหะที่ก่อประกายไฟ หรือไฟฟ้าลัดวงจร
  4. อาการกลัวที่แคบ (Claustrophobia)
    บางคนอาจรู้สึกอึดอัดหรือกลัวที่แคบระหว่างการอยู่ในห้องบำบัด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการวิตกกังวลหรือแพนิคได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติกลัวที่แคบมาก่อน
  5. น้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
    HBOT อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาลดน้ำตาลในเลือด ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อนเข้ารับการบำบัด
  6. ปัญหาเกี่ยวกับสายตา (Temporary Myopia)
    HBOT อาจทำให้เกิดอาการตามัวชั่วคราว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของความดันที่ส่งผลต่อเลนส์ตาและรูปร่างของลูกตา แต่ปัญหานี้มักแก้ไขได้เองเมื่อหยุดการบำบัด
  7. ปอดยุบตัว (Pneumothorax)
    ในบางกรณีที่หายาก การเปลี่ยนแปลงของความดันอาจทำให้เกิดภาวะปอดยุบตัวได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอดอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
  8. อาการชัก (Seizures)
    ในกรณีที่รุนแรงและเกิดออกซิเจนเป็นพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาจทำให้เกิดอาการชักได้ แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้น้อย แต่เป็นความเสี่ยงที่ควรคำนึงถึ

ข้อควรระวัง การบำบัดด้วย HBOT ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง เพื่อประเมินความเหมาะสมและลดความเสี่ยง โดยทั่วไปแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพจะสั่งจ่าย HBOT ในศูนย์บําบัดเฉพาะทาง HBOT ไม่ได้มีไว้สําหรับสํานักงาน OPD ต้องการการดูแลอย่างมืออาชีพอย่างเข้มข้นและตรวจสอบระหว่างที่ผู้ป่วยอยู่ในห้องเพราะมีความเสี่ยงสูงต่อร่างกายในระบบต่างๆ  การทำ HBOT นั้นควรจะอยู่ในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการรับมือต่อผลข้างเคียงที่รุนแรง การใช้ HBOT ในสถานพยาบาลขนาดเล็กอาจไม่ใช่ HBOT จริง แต่เป็นเพียงการให้คนไข้เข้าไปนอนในตู้ที่มีความดันออกซิเจนปกติ ซึ่งนั่นจึงไม่ใช่การรักษาด้วย HBOT จริงตามอ้าง 

References:

  1. Randomized Controlled Trial J Cosmet Dermatol 2021 Mar;20(3):917-921.  Epub 2020 Dec 8.The effect of hyperbaric oxygen therapy combined with hair transplantation surgery for the treatment of alopeciaZhe-Xiang Fan 1, Yuyang Gan 1, Qian Qu 1, Jin Wang 1, Yang Lunan 1, Bingcheng Liu 1, Ruosi Chen 1, Zhi-Qi Hu 1, Yong Miao 1
  2. Complications of hyperbaric oxygen : John Hopskin link access: https://www.hopkinsmedicine.org/health/treatment-tests-and-therapies/complications-of-hyperbaric-oxygen-treatment