ทำความเข้าใจการปลูกผมผู้หญิง
ในขณะที่คนส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยกับการผ่าตัดปลูกผมในผู้ชายมากกว่า โดยเฉพาะในรายที่ประสบปัญหาภาวะผมร่วง/ผมบางจากพันธุกรรม หรือ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Androgenetic Alopecia (AGA) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็มีคนให้ความสนใจมากขึ้นเกี่ยวกับการปลูกผมผู้หญิง เพราะนอกจากจะช่วยปรับกรอบหน้าและยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดปลูกแนวผมผู้หญิงอีกด้วย สำหรับคุณผู้หญิงที่สนใจการผ่าตัดปลูกผม ก่อนอื่นอยากจะให้อ่านบทความด้านล่างนี้ก่อนค่ะ
การปลูกผมผู้หญิง ควรปรึกษาแพทย์ หากมีภาวะต่อไปนี้
1. มีภาวะผมร่วงที่ยังคงกำเริบและยังไม่หาย หรือยังไม่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์
สำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องปลูกผม ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผมเพื่อสร้างกรอบหน้าใหม่ แก้ไขเรื่องหน้าผากกว้าง หรือปลูกบริเวณกลางศีรษะ หากยังมีภาวะผมร่วงที่ยังคงกำเริบอย่างมากหรือยังไม่ได้รับการวินิจฉัยที่แน่นอนจากแพทย์เฉพาะทาง แพทย์ยังไม่แนะนำให้ปลูกผมและควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการวินิจฉัยก่อน เนื่องจากหากไม่ได้แก้ไขสาเหตุเหล่านี้ อาจทำให้ผลการผ่าตัดปลูกผมออกมาไม่ดีเท่าที่ควร
2. ผมด้านหลังบริเวณหนังศีรษะบาง
เนื่องจากการผ่าตัดปลูกผมผู้หญิง ก็มีวิธีที่ไม่ต่างจากผู้ชาย คือ การย้ายรากผมจากบริเวณท้ายทอยไปยังบริเวณที่ผมบาง เช่น ด้านหน้า (กรอบหน้า) หรือกลางศีรษะ ดังนั้นความหนาแน่นของผมบริเวณท้ายทอยจึงจำเป็นต้องมีมากพอและแข็งแรงพอที่จะได้รับการเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เราเรียกตำแหน่งนี้ว่า ตำแหน่งบริจาค กรณีที่ตำแหน่งบริจาคมีความหนาแน่นต่ำหรือผมไม่แข็งแรง อาจจำเป็นต้องหาสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไทรอยด์ผิดปกติ การขาดวิตามินดี การขาดธาตุเหล็ก หรือโรคอื่นๆ ของเส้นผม
กรณีแบบใดบ้างที่การผ่าตัดปลูกผมในผู้หญิงช่วยแก้ปัญหาได้?
สำหรับคุณผู้หญิงที่แพทย์ประเมินแล้วว่าสามารถเข้ารับการผ่าตัดปลูกผมได้นั้น การผ่าตัดปลูกผมสามารถแก้ไขปัญหาต่อไปนี้ได้ เช่น
- ภาวะหน้าผากสูงหรือหน้าผากกว้าง
- ภาวะแนวผมหายไปตั้งแต่กำเนิด (Triangular alopecia)
- การปลูกผมทับแผลเป็นจากการดึงหน้า ดึงคิ้ว หรือแผลเป็นจากสาเหตุต่างๆ บริเวณแนวผม
- ภาวะผมบางกลางศีรษะในรายที่มีผมบางแบบกรรมพันธุ์
เทคนิคการผ่าตัดปลูกผมในผู้หญิงมีอะไรบ้าง?
- FUT (Follicular Unit Transplantation) – การผ่าตัดปลูกผมแบบกรีด
- FUE (Follicular Unit Excision) – การผ่าตัดปลูกผมแบบเจาะ
- Shaven FUE (แบบโกนผมด้านหลัง)
- Non-shaven FUE (แบบไม่โกนผมด้านหลัง)
- Long-hair FUE (แบบปลูกผมยาว)
คำถามที่พบบ่อยในการปลูกผมผู้หญิง
1. อยากผ่าตัดปลูกผมผู้หญิง ต้องใช้กี่กราฟท์ ? เนื่องจากจำนวนกราฟท์ขึ้นกับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการจะปลูก โดยขึ้นกับแนวผมที่แพทย์ออกแบบให้ด้วย สำหรับท่านที่ไม่สะดวกเดินทางมาพบแพทย์สามารถส่งรูปมาให้ทางคลินิกประเมินเบื้องต้นคร่าวๆ ได้ อย่างไรก็ตามแนะนำให้มาปรึกษากับแพทย์โดยตรงเพื่อที่จะได้ออกแบบแนวผมและอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัด
2. ต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนถึงจะกลับมาไว้ทรงผมได้ตามปกติ สำหรับคุณผู้หญิง หากผ่าตัดเทคนิค Non-shaven FUE หรือ Long-hair FUE ซึ่งไม่ต้องโกนผมด้านหลัง ก็จะทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ง่ายขึ้นกว่าวิธีที่โกนผมด้านหลัง อย่างไรก็ตาม การทำแบบโกนผมด้านหลังหรือ Shaven FUE นั้นมีราคาถูกกว่าและการกระจายตัวของแผลเป็นด้านหลังดีกว่าแบบไม่โกน และการผ่าตัดจะเสร็จเร็วกว่า สำหรับรายละเอียดต่างๆ แนะนำให้เข้ามารับการปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางที่คลินิก
3. การปลูกผมผู้หญิงใช้เวลานานกี่ชั่วโมง หากเป็นการผ่าตัดปลูกผมแบบ shaven FUE อาจใช้เวลาประมาณ 6-7 ชม. ส่วนแบบไม่โกน (Non-shaven FUE กับ Long-hair FUE) อาจใช้เวลา 7-8 ชม. เนื่องจากมีความซับซ้อนกว่า
เนื่องจากแต่ละเทคนิคมีข้อ ข้อเสีย และข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป โดยการเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนนั้น อาจขึ้นกับจำนวนปริมาณกราฟท์ที่จะเป็นต้องใช้และความต้องการของคนไข้แต่ละท่าน ดังนั้นจึงแนะนำให้คุณผู้หญิงที่สนใจการผ่าตัดปลูกผมเข้ามาปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางโดยตรงเพื่อได้รับข้อมูลอย่างละเอียด